มหัศจรรย์...เบตง ใต้สุดแดนสยาม 3 วัน 2 คืน

สงขลา , ไทย

Not Rated จาก 0 รีวิว
0/5

ไฮไลท์แพ็คเกจ

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว • มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี • อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ • สตรีทอาร์ทเบตง • ถนนคนเดินเบตง •อุโมงค์ปิยะมิตร • สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง • บ่อน้ำร้อนเบตง • ถ่ายรูปป้ายใต้สุดสยาม • วัดพุทธาธิวาส • ตู้ไปรษณีย์สูงใหญ่ที่สุดในโลก • หอนาฬิกาเบตง•จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง พร้อมขึ้น Skywalk • สะพานแตปูซู • เขื่อนบางลาง • วัดช้างให้ • มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา • ตลาดกิมหยง

กำหนดตารางการเดินทาง / ราคา


31 มีนาคม-02 เมษายน 2023
ประเภทลูกทัวร์
ค่าบริการ
ผู้ใหญ่
฿10,529
บริการเสริม
ค่าบริการ
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ
฿1,500
05-07 เมษายน 2023
ผู้ใหญ่
฿9,359
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ
฿1,500

13-15 เมษายน 2023
ผู้ใหญ่
฿12,869
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ
฿1,500

14-16 เมษายน 2023
ผู้ใหญ่
฿11,699
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ
฿1,500

21-23 เมษายน 2023
ผู้ใหญ่
฿10,529
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ
฿1,500

กำหนดตารางการเดินทาง

วันแรก 1 : กรุงเทพฯ • หาดใหญ่ • ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว • มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี • อุโมงค์เบตงมงคลฤ...
  • 04:30
    • พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เคาน์เตอร์สายการบินนกแอร์ ประตู 13 โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
  • 06:00
    • ออกเดินทางสู่ เมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเที่ยวบิน DD 70 (ใช้ระยะเวลาเดินทาง โดยประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที) *บนเที่ยวบินไม่มีบริการ อาหารทั้งขาไปและกลับ*
  • 07:25
    • ถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ รับสัมภาระ และออกเดินทางสู่ จ.ปัตตานี เสริมสิริมงคลกันในที่แรก ณ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เจ้าของตำนานสุดคลาสสิกของปัตตานี โดยมีเรื่องเล่าว่าลิ้มกอเหนี่ยวเดินทางมาตามพี่ชายกลับไปดูแลแม่ที่บ้านเกิด แต่พี่ชายไม่กลับไป ลิ้มกอเหนี่ยวจึงผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมะพานต์ โดยภายในศาลมีความเชื่อกันว่าเราสามารถยืมเงินเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นขวัญถุงได้ เมื่อค้าขายได้กำไรงอกเงยให้นำเงินมาคืนเป็น 2 เท่า ของที่ได้ยืมเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไป

    • จากนั้น แวะถ่ายรูปกับ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ที่ถือว่ามีความสวยงามมากที่สุดของจังหวัด สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2497 ได้มีการวงศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2500 โดยพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ก่อนมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 พฤษภาคม 2506 โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตัวอาคารได้รับแรงบันดาลใจมาจากทัชมาฮาล
    ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวหรือ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง...

    ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวหรือ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของ จ.ปัตตานีมาตั้งแต่โบราณ ตั้งอยู่ที่ถนนอาเนาะรู อำเภอเมือง ปัตตานี เดิมศาลเจ้านี้มีชื่อเรียกว่า "ศาลเจ้าซูก๋ง" ตามหลักฐานที่จารึกอยู่ในศาลเจ้า ตั้งขึ้นในปีปีพุทธศักราช 2117 ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา แม้ศาลเจ้านี้จะตั้งมาเก่าแก่นับได้หลายศตวรรษ แต่ด้วยบุญญาภินิหารของเจ้าแม่หลิมกอเหนี่ยว ศาลเจ้านี้จึงมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่ศรัทธาของสาธุชนเสมอมามิได้ขาด

    “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” หรือชื่อเต็ม “มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม” เป็นศาสนสถา...

    “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” หรือชื่อเต็ม “มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม” เป็นศาสนสถานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างภาพ ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยสง่า มีสระน้ำด้านหน้าทอดตัวยาวกว่า 200 เมตร ทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูละม้ายคล้ายคลึงกับทัชมาฮาลที่อินเดีย โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกที่นี่จะงดงามตระการตามากเป็นพิเศษ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าที่นี่จะเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาช่างภาพทั้งหลาย มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม หรือเรียกสั้นๆว่า มัสยิดกลางสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดสงขลา ต้องบอกว่าที่นี่เป็นมัสยิดที่ใหญ่และอลังการมาก ภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่งโอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบ และทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา มัสยิดกลางแห่งนี้โดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่อยู่บนภูเขาในสวนสาธารณะหาดใหญ่กันเลยทีเดียว หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของมัสยิดกลางแห่งนี้ จนได้รับการขนานนามว่า “ทัชมาฮาลเมืองไทย” ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นค่ำมัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา จะมีศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา โดยได้เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อปี 2534 โดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล ประธานฯและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาในยุคก่อนการบังคับใช้พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม ด้วยความตั้งใจจริงที่ว่า “อยากให้จังหวัดสงขลามีมัสยิดกลางเฉกเช่นจังหวัดอื่นๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเพื่อเป็นที่ทำการของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาอย่างเป็นเอกเทศ” จนได้ทำเรื่องรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอให้ก่อสร้าง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ตั้งแต่แรก โดนปฎิเสธจากเบื้องบนลงมาบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คณะกรรมการย่อท้อ แต่กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้มีความพยายามหาทาง และโอกาสอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งสำเร็จผลได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง ปี พ.ศ.2544 เมื่อมาถึงที่นี่ก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม ซึ่งบอกได้เลยว่า รับรู้ถึงแรงศรัทธาของชาวมุสลิมที่มีต่อองค์พระศาสดาจริงๆ ในทุกๆส่วนของมัสยิดนั้นถูกออกแบบ และตกแต่งด้วยความประณีต ละเอียดอ่อนช้อย ทางเดินถูกปูด้วยหินอ่อนทุกตารางนิ้ว พื้นที่ภายในตัวมัสยิดก็กว้างขวาง เปิดโล่งพร้อมรับผู้มีจิตศรัทธาทุกศาสนาที่ต้องการจะเรียนรู้คำสอนของพระอัลเลาะห์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ที่สามารถยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า จะไทยพุทธ หรือไทยมุสลิมเราก็ล้วนแล้วเป็นพี่น้องกันโดยไม่มีข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น เห็นแล้วน่าชื่นใจที่มีอาคารสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าสวยโดดเด่นแบบนี้อยู่ในบ้านเรา

  • เที่ยง
    • บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร

    • จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เบตง ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ระหว่างทางท่านจะได้เห็นทัศนีภาพที่มีความสวยงาม แปลกตาจากภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ ผ่าน อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ที่เป็นอุโมงค์รถยนต์ที่ลอดผ่านภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 273 เมตร ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1มกราคม 2544

    • จากนั้น พาท่านเดินชมเมืองเบตงซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่งาน ศิลปะแบบสตรีทอาร์ท ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆของเมือง ซึ่งมีลักษณะสวยงามคล้ายกับเมืองปีนังของมาเลเซีย และถนนฮาจิเลยของประเทศสิงคโปร์ ให้ท่านได้เก็บรูปเป็นที่ระลึกอย่างเต็มที่ ก่อนให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นของเบตงที่ ถนนคนเดินเบตง ที่มีให้ท่านได้เลือกอย่างมากมายตลอดถนนรวมถึงมีของทานเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ท่านต้องไม่พลาดที่จะลิ้มลอง
    อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็น อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ใน อำ...

    อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็น อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ใน อำเภอเบตง จังหวัดยะลา สร้างขึ้นมาก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สัญจรไปมาค่ะ โดยสร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร และมีความยาวตลอดอุโมงค์ระยะทางประมาณ 273 เมตรค่ะ ที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 นั่นเองค่ะ ไฮไลท์ ของ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ตลอดทั้งวันนั้น จะมีรถยนต์ขับผ่านเข้าออกไปมา และด้านในอุโมงค์ก็จะมีทางเดินที่สามารถเดินเที่ยวชมได้อีกด้วยค่ะ ในบางช่วงจะมีการเปิดไฟประดับอุโมงค์ ทำให้ถือว่าเป็นไฮไลท์สวยๆ ของยะลา ที่ต้องมาเช็คอินถ่ายรูปกันค่ะ ซึ่งในช่วงเย็นๆ จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปหน้าอุโมงค์นี้กันอย่างมากมายเลย สำหรับใครที่จะมาเที่ยวเมืองเบตงอยู่แล้ว ก็สามารถเดินลอดจากอุโมงค์นี้ไปที่ หอนาฬิกาและตู้ไปรษณีย์ใหญ่ ได้เลยด้วยค่ะเพราะ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ จะอยู่ในบริเวณของ ถนนอมฤทธิ์ ตัดกับถนนภักดีดำรง ผ่านสวนสาธารณะและออกสู่ถนนบริเวณหน้าสวนนก ที่เชื่อมต่อกับถนนมงคลประจักษ์ ทะลุไปจนถึงชุมชนเมืองใหม่ ของ หมู่บ้านแกรนด์วิว และเชื่อมต่อกับถนนอัยเยอร์เบอร์จัง ไปจนถึงชุมชนธารน้ำทิพย์ นั่นเอง ทำให้เหมือนเป็นทางเชื่อมไปสู่ที่อื่นๆ ของเบตงนั่นเองค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมถ่ายรูปคู่กับ รูปปั้นไก่เบตง ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับปาก อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ กันด้วยนะคะ เพราะนอกจากไก่เบตงจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเบตงแล้ว ก็ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของอำเภอเบตงอีกด้วยค่ะ จัดว่าเป็นที่เที่ยวเช็คอินของเบตง ที่ต้องห้ามพลาดคร้าาา

    เที่ยว เบตง ยะลา นอกจากจะเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ที่...

    เที่ยว เบตง ยะลา นอกจากจะเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ที่อยู่นอกเมือง เช่น ชมทะเลหมอก แวะสวนดอกไม้ เที่ยวอุโมงค์ปิยะมิตร ดูต้นไม้ยักษ์ แช่น้ำร้อน แน่นอนกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด คือ เที่ยวในตัวเมืองเบตง ชมวีถีชีวิตของผู้คน อาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกลางหุบเขา ถ่ายภาพสตรีทอาร์ตน่ารักที่สะท้อนเรื่องราวและวิถีชีวิตของความเป็นเบตงได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยแต่งแต้มสีสันให้เมืองเบตงมีบรรยากาศที่สดใส และน่าเที่ยวมากขึ้น โดยภาพวาดมีประมาณ 11 ภาพ แต่ละภาพจะวาดอยู่ตามผนังอาคารบ้านเรือน ในตรอกซอกซอย ให้ได้แวะแชะถ่ายภาพ ครีเอทท่ากันอย่างสนุกสนาน ในตัวเมืองเบตงค่อนข้างเล็กมาก หากเที่ยวรอบเมืองพร้อมแวะถ่ายภาพสตรีทอาร์ตและจุดสำคัญใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็เที่ยวได้ทั่ว ศูนย์กลางของเมือง คือ หอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางสี่แยก มองเห็นเด่นมาแต่ไกล หอนาฬิกาเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมายาวนาน เปรียบเป็นสัญลักษณ์ของเมือง บริเวณหอนาฬิกาจะเรียกว่าเป็นความคึกคัก ที่บรรดานักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และรอบหอนาฬิกามีทั้งที่พัก ร้านอาหาร ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้

  • เย็น
    • บริการอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร

    • ที่พัก โรงแรมโมเดิร์นไทย/โรงแรมเดอะฮอลิเดย์ฮิลล์/โรงแรมบัตเตอร์ฟลาย ปริ๊นเซส หรือเทียบเท่า
วันที่สอง 2 : อุโมงค์ปิยะมิตร • สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง • บ่อน้ำร้อนเบตง • ถ่ายรูปป้ายใต้สุดสยาม • วัดพุท...
  • เช้า
    • บริการอาหารเช้า ณ ร้านอาหาร

    • เดินทางสู่ อุโมงค์ปิยะมิตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 เป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายาสร้างขึ้น เพื่อใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง ปัจจุบันภายในอุโมงค์นั้นถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ นอกจากนั้นยังมีต้นไทรอายุกว่าพันปีอยู่ ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ท่านไม่ควรพลาดชม

    • จากนั้น เดินทางต่อไปยัง สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง หรือสวนหมื่นบุฝผา หลายท่านอาจคิดถึงภาคเหนือก่อนเมื่อพูดถึงดอกไม้ แต่ที่เบตงแห่งนี้ก็มีความสวยงามของพรรณไม้ซ่อนอยู่ในขุนเขาแห่งนี้เช่นกัน โดยแรกเริ่มนั้นเป็นโครงการที่กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำแนวทางการปลูกพรรณไม้เมืองหนาวขึ้น ในปัจจุบันมีดอกไม้นานานชนิด ไม่ว่าจะเป็น แกลดิโอลัส รักเร่ ซ่อนกลิ่น ฮอลลีฮ็อก ลิลลี่ เบญจมาศ เป็นต้น
    อุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่ที่ บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะล...

    อุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่ที่ บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้น สำหรับเป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง แต่ต่อมาได้กลับมาร่วมพัฒนาชาติไทย อุโมงค์ปิยะมิตร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง ในปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีต

  • เที่ยง
    • บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร

    • พาท่านแวะ น้ำพุร้อนเบตง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ โดยอุณหภูมิของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส ท่านสามารถซื้อไข่ลงไปต้มในน้ำแร่ที่นี่ได้ หรือว่าท่านใดอยากจะลองแช่เท้าผ่อนคลายอริยบททางสถานที่ก็มีบริการให้ท่านด้วยเช่นกัน

    • จากนั้น แวะถ่ายรูปกับ ป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดถนนทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย

    • จากนั้น พาท่านสักการะพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ และพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ณ วัดพุทธาธิวาส วัดเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2460 ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตัวองค์เจดีย์ของวัดโดดเด่นด้วยศิลปะแบบศรีวิชัยประยุกต์ ถือเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธในเบตงมาอย่างช้านาน

    • พาท่านเก็บตกชมเมืองเบตง ให้ท่านได้เต็มอิ่มกับดินแดนสุดปลายด้ามขวานของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ตู้ไปรษณีย์สูงใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่มุมถนนสุขยางค์ มีความสูงเกือบ 3 เมตร ไม่รวมฐาน ซึ่งยังสามารถใช้งานได้จริงจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมี หอนาฬิกาเบตง ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยหินอ่อนขาวของจังหวัดยะลา ซึ่งมีความแข็งแรงและสวยงาม
    บ่อน้ำร้อนเบตง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ จังหวัดยะลา เป็นบ่อ...

    บ่อน้ำร้อนเบตง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ จังหวัดยะลา เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ โดยจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งตรงจุดที่มีน้ำเดือดนี้ สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน 10 นาที ทางจังหวัดยะลาได้ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบ่อน้ำร้อน ให้มีความสวยงาม แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ เพื่อให้เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ภายในบ่อน้ำร้อนเบตง ยังมีสระน้ำขนาดใหญ่ สำหรับกักน้ำจากน้ำพุร้อน เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว ได้ใช้อาบหรือแช่เท้าเล่น ซึ่งแต่ละโซนออกแบบอย่างได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ ทั้งบ่อน้ำร้อนบ่อใหญ่ บ่อแช่น้ำร้อนใหม่ และอาคารธาราบำบัด โดยเชื่อกันว่าน้ำแร่แห่งนี้ สามารถบรรเทารักษาโรคภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อาทิ โรคปวดเมื่อย โรคเหน็บชา โรคผิวหนัง เป็นต้น ตลอดจนมีอาคารสำหรับพักค้างคืน ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น.

    ป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างอำเภอเบตงกับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย ห่า...

    ป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างอำเภอเบตงกับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร สร้างจากหินอ่อน มีการสลักสัญลักษณ์เป็นรูปแผนที่ประเทศไทยและข้อความด้วยสีทองโดดเด่นอยู่ภายในเนื้อหิน ผู้ที่มาเยือนเมืองเบตง ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับป้ายใต้สุดสยาม ถือได้ว่ามาไม่ถึงเบตง

    สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่...

    สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา เมื่อขึ้นไปด้านบน คุณจะได้ดื่มด่ำทัศนียภาพของวัดและเมืองเบตงที่น่าประทับใจ อีกมุมหนึ่ง ทั้งนี้ตามประวัติกล่าวว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์บนพื้นที่บริเวณนี้ไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2512 แต่ยังไม่มีการก่อสร้างแต่อย่างใด ต่อมาภายหลังหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี สถาปนิกวัง ศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรมไทย ได้ดำเนินการออกแบบก่อสร้างเป็นพระมหาธาตุเจดีย์แบบศรีวิชัยประยุกต์ โดยมีเจดีย์องค์ประธาน 4 องค์อยู่ตรงกลางรายรอบด้วยเจดีย์บริวาร และมีเจดีย์องค์เล็กขนาดเท่ากับเจดีย์องค์บริวาร ซึ่งเป็นเรือนธาตุซ้อนกันอยู่ภายในเจดีย์องค์ประธาน (สำหรับบรรจุพระสถูปพระบรมสารีริกธาตุ) ดังที่เห็นในปัจจุบัน และในระหว่างก่อสร้างนั้นเอง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สมทบทุนการก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ เป็นเงิน 200,000 บาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระมหาธาตุเจดีย์แห่งนี้ว่าพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ และกลายมาเป็นศูนย์รวมศรัทธาที่ชาวใต้ภาคภูมิใจในที่สุด

    ทักทายตู้ไปรษณีย์แห่งอำเภอเบตงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลกอี...

    ทักทายตู้ไปรษณีย์แห่งอำเภอเบตงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความยากลำบากในการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตงกับอำเภอื่น ๆ ในอดีต และการติดต่อสื่อสารกันด้วยจดหมายนั้นจัดเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด อีกทั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการสื่อสาร ของอำเภอเบตงในคราวเดียวกัน โดยตู้ไปรษณีย์ที่จำลองขึ้นมาตู้นี้ มีขนาดใหญ่กว่าตู้เดิมถึง 3.5 เท่า สูงประมาณ 9 เมตร ยังคงใช้งานได้จริงในปัจจุบัน ตลอดทั้งมีการติดตั้งวิทยุกระจายเสียงวางอยู่บนส่วนบนของตู้ เพื่อให้ชาวเบตงได้รับฟัง ข่าวสารจากทางราชการด้วย นับเป็นไฮไลท์ของอำเภอเบตงที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สำหรับตู้ไปรษณีย์เดิมก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์พร้อม ๆ กับใช้งานจริงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตู้ไปรษณีย์เก่านี้ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2467 ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยนายสงวน จินดา นายกเทศมนตรีอำเภอเบตง ผู้เคยเป็นบุรุษไปรษณีย์มาก่อน ตู้ดังกล่าวตั้งอยู่ที่มุมถนนสุขยางค์ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง ลักษณะของตู้เป็นรูปทรงกลมและเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. ถ้านับจากฐานขึ้นไปจะรวมความสูงได้ทั้งหมดประมาณ 320 เซ็นติเมตร และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็มีอายุกว่า 80 ปีแล้ว

  • เย็น
    • บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (เมนูไก่เบตง)

    • ที่พัก โรงแรมโมเดิร์นไทย/โรงแรมเดอะฮอลิเดย์ฮิลล์/โรงแรมบัตเตอร์ฟลาย ปริ๊นเซส หรือเทียบเท่า
วันที่สาม 3 : จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง พร้อมขึ้น Skywalk • สะพานแตปูซู • เขื่อนบางลาง • วัดช้างให้ •...
  • 05:00
    • ออกเดินทางสู่ จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง หนึ่งในสุดยอดวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดในประเทศไทย ที่ความสูงราว 2,038 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล สุดพิเศษ!! พาท่านขึ้นสู่ Skywalk อัยเยอร์เวง จุดชมวิวที่ดีที่สุดของเขาแห่งนี้ ที่ท่านจะได้สัมผัสความตระการตาแบบ 360 องศา รวมถึงยังเป็นสกายวอร์คที่ยาวที่สุดในอาเซียนอีกด้วย

    • แวะถ่ายรูปที่ สะพานแตปูซู สะพานแขวนพื้นไม้ที่พาดผ่านแม่น้ำปัตตานี ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านเดินทางไป-มาได้อย่างสะดวก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนแห่งนี้เลยก็ว่าได้ และด้วยวิวรอบข้างนั้นมีธรรมชาติที่งดงามโอบล้อมไว้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกให้ได้

    • บริการอาหารเช้า ณ ร้านอาหาร มุ่งหน้ากลับหาดใหญ่ ระหว่างทางผ่านชม เขื่อนบางลาง ที่อำเภอบันนังสตา เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว เป็นโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเผื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง และกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2524

    • จากนั้น เข้าสู่ปัตตานี สักการะหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่ วัดช้างให้ พระอาจารย์ดังในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งหลวงปู่ทวด หรือสมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสคนแรก โดยท่านเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ทำให้เป็นที่นิยมบูชาให้หมู่นักเดินทาง

    • เดินทางถึงจังหวัดสงขลา แวะถ่ายรูปบริเวณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ที่ใความสวยงามราวกับไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ได้รับการขนานนามว่า ทัชมาฮาลเมืองไทย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม โครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารเป็นสีขาว มีโดมทอง และเสา 4 เสารอบตัวอาคาร ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่ยาวกว่า 200 เมตร ทำให้เกิดทัศนียภาพที่งดงามเป็นอย่างมาก
    ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ที่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นจุดชมว...

    ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ที่ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกยอดฮิตของเบตงที่เดินทางสะดวกรถขึ้นถึง และมีทะเลหมอกให้ชมตลอดทั้งปี ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเบตง ประมาณ 40 กิโลเมตร ในพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร เป็นทะเลหมอกที่ใหญ่และสวยงาม ในช่วงเวลาเช้าจุดชมวิวแห่งนี้จะกลายเป็นสวรรค์บนดินเปิดให้นักท่องเที่ยวเต็มอิ่มกับทะเลหมอก สัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์ และทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาไมโครเวฟ จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง สามารถเที่ยวได้แบบ Day trip โดยมีให้ชม 2 จุด คือ จุดชมวิวจุดที่ 1 และจุดชมวิวที่ 2 ซึ่งอยู่ถัดลงมาบริเวณจุดขายอาหาร แต่ในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวมาชมทะเลหมอกจำนวนมาก ในในภาพนี้ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างหนาแน่นในจุดชมวิวที่ 1 ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุด ซึ่งส่วนใหญ่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจะมุ่งตรงกันมาที่นี่ก่อน ซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างแคบและมีจำนวนจำกัด ในช่วงเช้าแทบจะไม่มีที่ยืนกันเลยทีเดียว แอบตกใจนิดหน่อยที่มีคนมาเที่ยวมากมายขนาดนี้ เรารอเวลาจนถึงประมาณ 7 โมงกว่า นักท่องเที่ยวเริ่มน้อยลงบ้าง พอจะมีที่ให้ชมวิวและถ่ายภาพ เนื่องจากจุดชมวิวจุดแรกตั้งอยู่บนจุดสูงสุด เลยทำให้สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ในมุมสูงกว่าระดับสายตา น่าเสียดายวันที่เดินทางอากาศค่อนข้างครึ้มเลยทำให้มองไม่เห็นแสงอาทิตย์ ก็จะได้ภาพสายหมอกแบบทึมๆ มาแทน ถามคนในพื้นที่ว่าควรจะมาเที่ยวในช่วงไหน ถึงจะได้แสงสวยๆ ฟ้าใสๆ แน่นอนแบบไม่ต้องหวั่นเรื่องอากาศว่าฝนจะตกเพราะเราเลือกมาช่วงเดือนมกราคมอากาศก็ยังคล้ายฤดูฝน ได้รับคำตอบว่า ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน แน่นอนที่สุด ยังมีทะเลหมอกให้ชม อีกด้วยนะคะ

    สะพานแตปูซู สะพานแตปูซู เป็นสะพานแขวนแบบพื้นไม้ ตั้งอยู่ ระหว่า...

    สะพานแตปูซู สะพานแตปูซู เป็นสะพานแขวนแบบพื้นไม้ ตั้งอยู่ ระหว่าง ที่ทำการดับเพลิง อบต.อัยเยอร์เวง กับที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้าน กม.32 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความกว้าง 1.8 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร ข้ามแม่น้ำปัตตานี สร้างมาตั้งแต่สมัยอดีตกำนันตำบลอัยเยอร์เวง นายมูเซ็ง แตปูซู บิดาของนายมนเทียร แตปูซู กำนันตำบลอัยเยอร์เวง (เกษียณปี 2560 บิดาของนายอัครเดช แตปูซู ผู้ใหญ่บ้าน กม.32 คนปัจจุบัน) ช่วยระดมพลังและเงินสมทบจากชาวบ้านร่วมกับราชการ ที่ไม่เพียงพอ เพราะต้องสั่งสายสลิง สำหรับยึดโยงตัวสะพานจากญี่ปุ่น ซึ่งสมัยนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก สามารถช่วยเหลือความยากลำบากของชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ซึ่งในขณะนั้นต้องใช้แพไม้ไผ่ข้ามไป-มา ทำให้ ชาวบ้านโดยเฉพาะเด็กๆต้องเสียชีวิตทุกปี เวลาขนย้ายผลผลิตการเกษตร หรือคนป่วย ก็ลำบากแสนสาหัส การก่อสร้างสะพานแตปูซู ขึ้นมาโดยการร่วมแรงร่วมใจกัน จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของชาว กม.32 ในการเอาชนะธรรมชาติและความรักสามัคคีของคนในชุมชน

    เดิมชื่อวัดช้างให้ ตามตำนานเมืองปัตตานีกล่าวว่า พระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ต้อ...

    เดิมชื่อวัดช้างให้ ตามตำนานเมืองปัตตานีกล่าวว่า พระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสร้างเมืองใหม่ให้น้องสาวจึงได้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานปล่อยช้างเจ้าเมืองและไพร่พลเดินตามไปเมื่อถึงป่าแห่งหนึ่ง (ที่วัดช้างให้ในปัจจุบัน) ช้างก็เดินวนเวียนและร้อง 3 ครั้ง พระยาแก้มดำ ถือว่าเป็นนิมิตที่ดีที่จะสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบใจ จึงได้เสี่ยงสัตย์ปล่อยช้างใหม่ คราวนี้ช้างได้เดินทางไปทางชายทะเลแห่งหนึ่ง (ที่ตำบลกรือเซะในปัจจุบัน) ช้างไม่ได้ส่งเสียงร้องแต่น้องสาวพอใจ จึงขอให้พระยาแก้มดำสร้างเมืองขึ้น โดยชื่อว่า “เมืองปัตตานี” เมี่อสร้างเมืองเสร็จแล้วได้เดินทางกลับผ่านทางเดิมได้ให้ขบวนหยุดพักที่ป่า ซึ่งช้างบอกไว้คราวแรก และให้ไพร่พลแผ้วถางป่าบริเวณนั้นสร้างเป็นวัดขึ้นให้ชื่อว่าวัดช้างให้ นมัสการพระดีเกจิดังแห่งปัตตานี สถานที่ประดิษฐ์ฐานสถูปหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

    “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” หรือชื่อเต็ม “มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม” เป็นศาสนสถา...

    “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” หรือชื่อเต็ม “มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม” เป็นศาสนสถานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างภาพ ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยสง่า มีสระน้ำด้านหน้าทอดตัวยาวกว่า 200 เมตร ทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูละม้ายคล้ายคลึงกับทัชมาฮาลที่อินเดีย โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกที่นี่จะงดงามตระการตามากเป็นพิเศษ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าที่นี่จะเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาช่างภาพทั้งหลาย มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม หรือเรียกสั้นๆว่า มัสยิดกลางสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดสงขลา ต้องบอกว่าที่นี่เป็นมัสยิดที่ใหญ่และอลังการมาก ภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่งโอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบ และทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา มัสยิดกลางแห่งนี้โดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่อยู่บนภูเขาในสวนสาธารณะหาดใหญ่กันเลยทีเดียว หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของมัสยิดกลางแห่งนี้ จนได้รับการขนานนามว่า “ทัชมาฮาลเมืองไทย” ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นค่ำมัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา จะมีศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา โดยได้เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อปี 2534 โดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล ประธานฯและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาในยุคก่อนการบังคับใช้พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม ด้วยความตั้งใจจริงที่ว่า “อยากให้จังหวัดสงขลามีมัสยิดกลางเฉกเช่นจังหวัดอื่นๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเพื่อเป็นที่ทำการของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาอย่างเป็นเอกเทศ” จนได้ทำเรื่องรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอให้ก่อสร้าง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ตั้งแต่แรก โดนปฎิเสธจากเบื้องบนลงมาบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คณะกรรมการย่อท้อ แต่กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้มีความพยายามหาทาง และโอกาสอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งสำเร็จผลได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง ปี พ.ศ.2544 เมื่อมาถึงที่นี่ก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม ซึ่งบอกได้เลยว่า รับรู้ถึงแรงศรัทธาของชาวมุสลิมที่มีต่อองค์พระศาสดาจริงๆ ในทุกๆส่วนของมัสยิดนั้นถูกออกแบบ และตกแต่งด้วยความประณีต ละเอียดอ่อนช้อย ทางเดินถูกปูด้วยหินอ่อนทุกตารางนิ้ว พื้นที่ภายในตัวมัสยิดก็กว้างขวาง เปิดโล่งพร้อมรับผู้มีจิตศรัทธาทุกศาสนาที่ต้องการจะเรียนรู้คำสอนของพระอัลเลาะห์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ที่สามารถยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า จะไทยพุทธ หรือไทยมุสลิมเราก็ล้วนแล้วเป็นพี่น้องกันโดยไม่มีข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น เห็นแล้วน่าชื่นใจที่มีอาคารสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าสวยโดดเด่นแบบนี้อยู่ในบ้านเรา

  • เที่ยง
    • อิสระอาหารกลางวัน ณ ตลาดกิมหยง

    • จากนั้น ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก และสินค้านานาชนิดที่ ตลาดกิมหยง สถานที่ที่ถูกขนานนามว่า "มาหาดใหญ่ ไม่ถึงตลาดกิมหยง ก็เหมือนไม่ได้มาหาดใหญ่" มีสินค้าต่างๆ เยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สินค้าบางตัวที่ขายตามจังหวัดต่างๆ ก็ซื้อมาจากตลอดแห่งนี้

    • สมควรแก่เวลา พาท่านเข้าสู่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ เช็คอิน โหลดสัมภาระ
    ตลาดกิมหยง เป็นตลาดขายของฝากและของที่ระลึกขนาดใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั...

    ตลาดกิมหยง เป็นตลาดขายของฝากและของที่ระลึกขนาดใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งอยู่บนอาคารสองชั้น ริมถนนละม้ายสงเคราะห์ ชั้นบนเป็นร้านขายสินค้า ชั้นล่างเป็นตลาดขายของแห้ง เดิมอาคารแห่งนี้เคยเป็นโรงภาพยนตร์ ชื่อ โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ชื่อตลาดกิมหยง มาจากชื่อเต็มว่า "ตลาดชีกิมหยง" เป็นชื่อของคหบดีชาวจีนชื่อ ชีกิมหยง และภรรยาชื่อ ละม้าย [3] เจ้าของที่ดินแต่เดิม ตลาดกิมหยงเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงคู่กับ ตลาดสันติสุข ซึ่งจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำหอมและเครื่องสำอาง ซึ่งอยู่ริมถนนนิพัทธ์อุทิศ ในย่านเดียวกัน ในอดีตตลาดกิมหยงบริเวณชั้นล่างนอกจากจะเป็นตลาดสดเหมือนตลาดทั่วไปแล้วยังมีการจำหน่ายสินค้าที่มาจากประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะอาหารแห้ง กาแฟสำเร็จรูป ขนม เครื่องสำอางค์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสินค้าเหล่านี้ถูกลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี ดังนั้นตลาดกิมหยงจึงเป็นแหล่งทีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาซื้อหาสินค้าเหล่านี้เพื่อกลับไปเป็นของฝาก (ในขณะที่คนไทยมักลักลอบนำข้าวสาร น้ำตาล เข้าไปขายในปาดังเปซาร์ ฝั่งมาเลเซีย)ส่วนชั้นสองของอาคารนั้นในอดีตเคยเป็นโรงภาพยนตร์ชื่อเฉลิมไทยซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากเพราะมักจะฉายภาพยนตร์ฝรั่งโดยมีผู้ให้เสียงพากษ์ภาษไทยที่มีชื่อเสียง คือ กรรณิการ์ อมรา

  • 17:20
    • ออกเดินทางกลับสู่ สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ DD 507
  • 18:45
    • เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

เงื่อนไข & ข้อตกลง

เงื่อนไขในการสำรองที่นั่งและจ่ายเงิน
  • ค่ามัดจำท่านละ 3,300.00THB
เงื่อนไขการยกเลิกการสำรองที่นั่ง
  • แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางอย่างน้อย (>=) 30 วัน บริษัทยินดีคืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด
    แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางระหว่าง (>= AND <=) 15 ถึง 29 วัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าบริการ 50 %
    แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางน้อยกว่า (<) 15 วัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าบริการทั้งหมด
กรณีเจ็บป่วย
  • กรณีเจ็บป่วยจนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯจะทำการเลื่อนการเดินทางของท่านไปยังคณะต่อไปแต่ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางได้ตามความเป็นจริง


    ในกรณีเจ็บป่วยกะทันหันก่อนล่วงหน้าเพียง 7 วันทำการ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี


เงื่อนไขและข้อมูลควรทราบเพิ่มเติม
  •  บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมด กรณีท่านยกเลิกการเดินทางและมีผลทำให้คณะเดินทางไม่ครบตามจำนวนที่บริษัทฯ กำหนดไว้ (8 ท่านขึ้นไป) เนื่องจากเกิดความเสียหายต่อทางบริษัทฯ และผู้เดินทางอื่นที่เดินทางในคณะเดียวกัน บริษัทต้องนำไปชำระค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการยกเลิกของท่าน


อัตราค่าบริการนี้รวม
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 20 กก.ต่อ 1 ใบ(โหลดได้ท่านละ 1 ใบ)กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry 7 กก.ต่อ 1 ใบ


    ค่าอาหารทุกมื้อตามรายการระบุ (สงวนสิทธิ์ในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)


    ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ


    ภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด (สงวนสิทธิ์เก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)


    ประกันอุบัติเหตุวงเงิน 1,000,000 บาท (เป็นไปเงื่อนไขตามกรมธรรม์) เงื่อนไขประกันการเดินทาง  ค่าประกันอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองเฉพาะกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ไม่คุ้มครองถึงการสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวและไม่คุ้มครองโรคประจำตัวของผู้เดินทาง


    ตั๋วเครื่องบินชั้นทัศนาจรไป-กลับพร้อมกรุ๊ป เป็นตั๋วราคาพิเศษไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือเลื่อนวันเดินทางได้ หากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะเลื่อนวันเดินทางหรืออยู่ต่อไม่กลับพร้อมกรุ๊ป ลูกค้าจะต้องทำการซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่เท่านั้น


    โรงแรมที่พัก 2 คืน (พักห้องละ 2-3 ท่าน)  กรณีพัก 3 ท่าน จะเป็นเตียงเสริม


    ค่ารถตู้รับ-ส่งพร้อมคนขับรถตามสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ


    ค่าหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวตามรายการ


อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ


    ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ


    ค่าทิป 300 บาท/ทริป/ลูกทัวร์ 1 ท่าน(บังคับตามระเบียบธรรมเนียม)


    ค่าทิปมัคคุเทศก์ คนขับรถ ตามสินน้ำใจของทุกท่านค่ะ(ไม่รวมในทิปตามระเบียบธรรมเนียมแต่ไม่บังคับทิปค่ะ)


หมายเหตุ
  • ทัวร์นี้สำหรับผู้มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น


    ทัวร์นี้เป็นทัวร์แบบเหมากรุ๊ป  หากท่านไม่ได้ร่วมเดินทางหรือใช้บริการตามที่รายการทัวร์ระบุไว้ในรายการไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด หรือถูกปฏิเสธการเข้า - ออกเมืองด้วยเหตุผลใดๆ ทางบริษัทจะไม่คืนเงินค่าบริการไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดตามรายการให้แก่ท่าน


    ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบค่าเสียหายจากความผิดพลาดในการสะกดชื่อ นามสกุล คำนำหน้าชื่อ เลขที่หนังสือเดินทางและอื่นๆเพื่อใช้ในการจองตั๋วเครื่องบิน  ในกรณีที่นักท่องเที่ยวหรือเอเจนซี่มิได้ส่งหน้าหนังสือเดินทางให้กับทางบริษัทพร้อมการชำระเงินมัดจำ


    อัตราค่าบริการนี้คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ณ วันที่ทางบริษัทเสนอราคา ดังนั้นทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับค่าบริการเพิ่มขึ้น ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าภาษีเชื้อเพลิง ค่าประกันสายการบิน การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน ฯลฯ


    มัคคุเทศก์ พนักงาน หรือตัวแทนของทางบริษัทฯ ไม่มีอำนาจในการให้คำสัญญาใดๆแทนบริษัท เว้นแต่มีเอกสารลงนามโดยผู้มีอำนาจของบริษัทกำกับเท่านั้น


    บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมด กรณีท่านยกเลิกการเดินทางและมีผลทำให้คณะเดินทางไม่ครบตามจำนวนที่บริษัทฯ กำหนดไว้ (20 ท่านขึ้นไป) เนื่องจากเกิดความเสียหายต่อทางบริษัทฯ และผู้เดินทางอื่นที่เดินทางในคณะเดียวกัน บริษัทต้องนำไปชำระค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการยกเลิกของท่าน


    กรณีที่ท่านต้องออกตั๋วภายใน เช่น (ตั๋วเครื่องบิน, ตั๋วรถทัวร์, ตั๋วรถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกตั๋ว เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือเวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในกรณี ถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบินเพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว


    กรณีผู้เดินทางที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น การขอใช้วีลแชร์ที่สนามบิน กรุณาแจ้งบริษัทฯ อย่างน้อย 7 วันก่อนการเดินทาง หรือเริ่มตั้งแต่ท่านจองทัวร์ มิฉะนั้นทางบริษัทฯไม่สามารถจัดการได้ล่วงหน้า ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามจริงที่เกิดขึ้นกับผู้เดินทาง (ถ้ามี)


    กรณีใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มน้ำเงิน) เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวกับคณะทัวร์ หากท่านถูกปฏิเสธในการเข้า – ออกประเทศใด ๆ ก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าทัวร์และรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น


    กรณีท่านเป็นอิสลาม ไม่สามารถทานอาหารบางประเภทได้ โปรดระบุให้ชัดเจนก่อนทำการจอง กรณีแจ้งล่วงหน้าก่อนเดินทางกะทันหัน อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม


    เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือทั้งหมด ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆของบริษัทฯที่ได้ระบุไว้ในรายการทัวร์ทั้งหมด


บทวิจารณ์

0/5
Not Rated
ขึ้นอยู่กับ 0 บทวิจารณ์
ไม่มีรีวิว

PraewpringTravel ตรวจสอบแล้ว

Member Since Feb 2021

เริ่มต้นเพียง ฿9,359
ขอยกเลิกบริการเสริมพักเดี่ยว เต็มใจพักร่วมกับท่านอื่นที่บริษัททัวร์จัดให้
  • 25000 {{pay_now_price_html}}
  • 25000 {{pay_now_price_html}}
เริ่มต้นเพียง ฿9,359
0 บทวิจารณ์

ของฝากของดีประจำจังหวัด สงขลา , ปัตตานี , ยะลา

เพิ่มเติม แต่ละจังหวัด มีของฝากมีของดี ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

แพ็คเกจทัวร์ที่คุณอาจกำลังมองหา
เพิ่มเติม แพ็กเกจทัวร์ได้รับคะแนนสูง
มหัศจรรย์ ภูเก็ต เกาะสิมิรัน ดำน้ำดูปะการัง 3 วัน 2 คืน
จุดหมาย - พังงา
เริ่มต้นเพียง
฿16,379
มหัสจรรย์เกาะหลีเป๊ะ  3 วัน 2 คืน
จุดหมาย - สตูล
เริ่มต้นเพียง
฿15,599
มหัศจรรย์...เบตง ใต้สุดแดนสยาม 3 วัน 2 คืน
จุดหมาย - สงขลา
เริ่มต้นเพียง
฿10,529
เริ่มต้นเพียง ฿9,359